กฎหมายกับกฎแห่งกรรมแตกต่างกันอย่างไร?
กฎหมายเป็นสิ่งที่มนุษย์ในสังคมหนึ่งๆ
ตกลงกัน
และกำหนดขึ้นเป็นระเบียบปฏิบัติของคนในสังคม
เช่น กฎหมายประเทศไทย เป็นเรื่องที่คนไทยตราขึ้นมา
โดยมีการเลือกสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
สมาชิกวุฒิสภา ร่วมกันร่างกฎหมาย หรือพระราชบัญญัติแต่กฎหมายบางอย่าง
เช่น
พระราชกฤษฎีกาหรือพระราชกำหนดร่างโดยคณะรัฐมนตรี
-------------------------------------------------------------------------
นอกจากนี้ก็มีระเบียบบางอย่างออกโดยกระทรวงหรือหน่วยงาน
ซึ่งกฎหมาย
พระราชบัญญัติ พระราชกฤษฎีกา พระราชกำหนด
หรือระเบียบปฏิบัติของแต่ละหน่วยงานก็มีศักดิ์และสิทธิ์ต่างกันไป
นอกจากนี้กฎหมายของแต่ละประเทศ
ไม่จำเป็นต้องเหมือนกัน แต่ละสังคมต่างก็มีกฎของตัวเอง
------------------------------------------------------------------------
ส่วนกฎแห่งกรรม ไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์แต่ละคนหรือชนแต่ละกลุ่มกำหนดขึ้น
แต่เป็นกฎที่คอยควบคุมความเป็นไปของพฤติกรรมมนุษย์ว่า
ถ้าทำอย่างนี้แล้วจะเกิดผลอย่างไร
ซึ่งความจริงกฎแห่งกรรมไม่ได้มีผลเฉพาะมนุษย์เท่านั้น
แต่ยังควบคุมพฤติกรรมสรรพสัตว์ทั้งหลายด้วย
ไม่ว่าเทวดา พรหม หรือสัตว์ต่างๆ
ถ้าใครทำสิ่งที่ดีก็เป็นกรรมดี
และจะได้รับผลดีตอบสนอง
ถ้าทำสิ่งไม่ดีก็เป็นกรรมชั่ว
จะมีวิบากที่ร้ายแรงตอบสนอง
-------------------------------------------------------------------------------
มนุษย์ก็เช่นกัน
ไม่ว่าเป็นคนชาติไหน นับถือศาสนาอะไร
มีความเชื่ออย่างไร
ล้วนอยู่ใต้กฎแห่งกรรมเหมือนกันทั้งสิ้น
---------------------------------------------------
กฎแห่งกรรมไม่ใช่เรื่องของความเชื่อ
แต่เป็นความจริงที่มีผลกับคนทุกศาสนา
แม้คนนั้นไม่ได้นับถือศาสนาพุทธ
ก็ต้องตกอยู่ภายใต้กฎแห่งกรรมเหมือนกัน
กฎแห่งกรรมนี้พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ชัดเจนว่า
พระองค์ไม่ใช่ผู้บัญญัติขึ้น
แต่เมื่อพระองค์ตรัสรู้แล้วก็ทรงไปรู้ไปเห็นความจริงว่า
กฎแห่งกรรมมีอยู่และเมื่อทรงได้เห็นความจริงแล้วว่า
ทำอย่างไรเป็นบุญทำอย่างไรเป็นบาป
ทรงนำมาสั่งสอนมนุษย์
เพื่อจะได้หลีกเลี่ยงไม่ทำความชั่ว และจะได้ตั้งใจทำความดี
ทำใจให้ผ่องใส
สุดท้ายจะได้พ้นจากกิเลสอาสวะ แล้วเข้าพระนิพพาน
------------------------------------------------------------------------------------------
กฎแห่งกรรม คือกฎแห่งความจริง
ที่ไม่ขึ้นกับความเชื่อ
ใครจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ต้องเจอ
ที่สำคัญก็คือ
เราจะเชื่อตอนเป็นหรือจะไปเห็นตอนตาย
ถ้าเชื่อตอนยังมีชีวิตอยู่เราจะได้ไม่ทำบาป
แล้วตั้งใจทำบุญ
แม้อาจยังไม่เชื่อร้อยเปอร์เซ็นต์
เพราะยังไม่เห็นว่านรกเป็นอย่างไร เชื่อเผื่อเหนียวไว้ก่อนแล้วกัน
เพราะถ้าเราเชื่อตอนเป็น
เรายังมีทางแก้ไขได้อะไรที่ไม่ดีก็อย่าไปทำ
ที่เคยทำมาแล้วก็ลืมๆ ไปเสีย
แล้วตั้งใจทำความดีไปชดเชย
แต่ถ้าตอนมีชีวิตอยู่ไม่เชื่อ
พอตายแล้วตกนรกไปเจอพญายมราช
ถึงตอนนั้นจะกลับตัวก็ไม่ทันแล้ว
---------------------------------------
เราต้องเลือกแล้วว่า
จะเชื่อตอนเป็นหรือว่าจะไปเห็นตอนตาย
ถ้าให้แนะนำขอบอกว่าเชื่อดีกว่า
แล้วบาปกรรมก็อย่าไปทำเลยทำความดีเยอะๆ
จะได้ไม่ตกนรก
ไม่ต้องไปอบาย จะได้ไปสวรรค์กัน
ถ้าบุญเราเต็มที่เมื่อไรหมดกิเลสเมื่อไร
จะได้ไปนิพพานกัน
ผู้คนส่วนใหญ่เกรงกลัวกฎหมายหรือกฎแห่งกรรมมากกว่ากัน?
ในหมู่คนที่ยังไม่ค่อยรู้เรื่อง
เขาก็ยังไม่เชื่อว่ากฎแห่งกรรมมีจริง
แต่ในเรื่องของกฎหมายเขาสัมผัสได้
ถ้าทำผิดกฎหมายเดี๋ยวถูกปรับ บางทีก็ติดคุก
เขาจะเกรงกลัวกฎหมายมากกว่า
แต่ถ้าเป็นคนที่เข้าใจความเป็นจริงเขาจะกลัวกฎแห่งกรรมมากกว่า
-------------------------------------------------
กฎหมายกับกฎแห่งกรรมก็คล้าย
ๆ กัน
แต่ว่าเราชาวพุทธทุกคนรู้หลักนี้แล้ว
ต้องไม่ทำผิดทั้งกฎหมายและกฎแห่งกรรม
และให้ตระหนักไว้ลึก ๆ
ว่า
กฎแห่งกรรมน่ากลัวกว่ากฎหมายเยอะ
กฎหมายลงโทษได้หนักที่สุด
คือ ประหารชีวิต
รองลงมาก็จำคุกตลอดชีวิต
หรือจำคุกตามระยะเวลาที่ได้รับโทษ หรือจ่ายค่าปรับ
ซึ่งโทษหนักที่สุด คือ
ประหารชีวิตนั้น โดนประหารแค่ครั้งเดียวเมื่อตายก็จบกัน
โทษตามกฎแห่งกรรม
พอตายแล้วก็จะมีชีวิตขึ้นมาใหม่ด้วยอำนาจของกรรม
แล้วโดนลงทัณฑ์ทรมานต่อ
ตายเกิดตายเกิดอย่างนี้วันละหลายล้านหน
สุดท้ายพอตายแล้วตกนรก
ตอนนั้นจะบอกว่าเชื่อ จะไม่ทำอีกแล้ว ก็สายเกินไป
-------------------------------------------------------
กฎแห่งกรรมมีการลดโทษให้คนที่ทำบาปบ้างไหม?
กฎแห่งกรรมไม่มีการลดโทษ
แต่ถ้าเราทำผิดแล้วสำนึกผิด
และพยายามทำความดีมาชดเชย
วิบากกรรมนั้นก็จะลดหย่อนลง
--------------------------------------
เมื่อผ่านยุคสมัยไป
กฎหมายอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้
กฎแห่งกรรมมีการเปลี่ยนแปลงไหม?
กฎแห่งกรรมไม่มีทางเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้เลย คงตัวอยู่อย่างนั้น
พระพุทธเจ้าทรงไปเห็นกฎแห่งกรรม
และทรงบอกเราว่า
อกุศลกรรมบถ ๑๐ ทำแล้วจะเกิดอกุศล
เช่น ฆ่าสัตว์ลักทรัพย์ ประพฤติผิดในกาม พูดเท็จ
พูดคำหยาบ ส่อเสียด เพ้อเจ้อ เป็นต้น
กฎแห่งกรรมก็เป็นกฎเดียวกันไม่เคยเปลี่ยนแปลง
------------------------------------------
กฎแห่งกรรมแต่ละประเทศต่างกันไหม?
กฎแห่งกรรมของคนทุกชาติทุกศาสนาก็คือ
กฎแห่งกรรมเดียวกัน
เพราะเป็นกฎที่ควบคุมสิ่งมีชีวิตทั้งปวง
ไม่ได้เกี่ยวเลยว่าคนละชาติคนละภาษา
แล้วจะมีกฎแห่งกรรมที่ต่างออกไป
อย่าว่าแต่คนเลย
ขนาดสัตว์เดรัจฉานก็ยังต้องอยู่ใต้กฎแห่งกรรมอันเดียวกัน
กฎแห่งกรรมจึงเป็นกฎสากลที่ครอบคลุมความเป็นไปของสิ่งมีชีวิตทั้งมวล
----------------------------------------------------
กฎแห่งกรรมมีการลดหย่อนผ่อนโทษให้เด็กที่กระทำความผิดโดยไม่รู้ตัวไหม?
กฎแห่งกรรมไม่ได้มองที่อายุ แต่มองที่เจตนา
ถ้าทำไปด้วยเจตนาที่แรงกล้า
ถ้าเป็นกรรมดีบุญก็เยอะ
ถ้ากรรมชั่วบาปก็เยอะ
แต่ถ้าเจตนาเบาบาง ทำแบบไม่ค่อยตั้งใจ ถ้าทำกรรมชั่วบาปก็จะน้อย
ทำความดีแบบไม่ได้ตั้งใจ ทำแบบเสียไม่ได้ บุญก็ได้นิดหน่อย
สรุปแล้วอยู่ที่ความตั้งใจ
อยู่ที่เจตนา
ถ้าเด็กทำตามเพื่อนแบบไม่ค่อยตั้งใจเท่าไร อันนี้กรรมก็เบาหน่อย
แต่ถ้าเป็นเด็กที่ร้ายกาจมาก วางแผนทำชั่วโดยเจตนา
อันนี้กรรมหนักไม่แพ้ผู้ใหญ่เหมือนกันต้องดูที่เจตนา ไม่ได้ดูที่อายุ
-------------------------------------------------------------
ทำอย่างไรถึงจะรอดพ้นจากการลงโทษของกฎแห่งกรรม?
ต้องละชั่ว
อย่างน้อยที่สุดก็คือ ให้รักษาศีล ๕
๑ ไม่ฆ่า ไม่ทรมานสัตว์
๒. ไม่ลักทรัพย์
ไม่ฉ้อโกง
๓. ไม่ประพฤติผิดในกาม ไม่ล่วงละเมิดลูกเมียคนอื่น
๔. ไม่พูดปด
ไม่พูดส่อเสียด ไม่พูดคำหยาบ ไม่พูดเพ้อเจ้อ
๕.ไม่ดื่มสุราทุกชนิด
ไม่ใช้ยาเสพติดทุกอย่าง
นอกจากนี้ก็จะต้องไม่ข้องเกี่ยวกับอบายมุขทั้ง
๖ อย่าง คือ
๑.ไม่ดื่มน้ำเมา
๒ ไม่เที่ยวกลางคืน
๓
ไม่ดูการละเล่นเป็นนิจ จนเสียการเสียงาน
๔ ไม่เล่นการพนัน
๕ ไม่คบคนชั่วเป็นมิตร
๖
ไม่เกียจคร้านการทำงาน
ต้องตั้งใจให้ทาน มีเมตตากรุณาต่อทุกๆ คน
มีน้ำใจเอื้อเฟื้อ
ช่วยเหลือทุกคนอย่างดี
แล้วทำสมาธิภาวนาให้ใจผ่องใส
ถ้าปฏิบัติอย่างนี้แล้วก็สบายใจได้ในเรื่องกฎแห่งกรรม
ส่วนวิธีการตรวจสอบว่า
สิ่งไหนทำแล้วดีสิ่งไหนไม่ดี
ให้ดูว่าถ้าทำแล้วใจเราผ่องใสนั่นคือกรรมดี
ถ้าทำแล้วใจขุ่นมัว
เศร้าหมองแสดงว่าไม่ดี
และถ้าใครใจใสก็จะไปสวรรค์
ถ้าใครใจหมองก็จะต้องไปอบาย
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสรุปไว้อย่างนี้
------------------------------------------
ถ้าเราตั้งใจละชั่ว
ใจเราก็จะไม่หมอง
แล้วพอทำความดี ใจเราก็จะเริ่มสว่างขึ้น
ถ้าจะทำใจให้ผ่องใสโดยตรงเลยก็ต้องทำสมาธิภาวนาให้ใจใสสว่าง
เรื่อง :
พระครูปลัดสุวัฒนโพธิคุณ (สมชาย ฐานวุฑฺโฒ)
จากรายการข้อคิดรอบตัว ออกอากาศทางช่อง DMC