แค่ไหนถึงจะพอดี?

ผู้คนสมัยนี้มักใช้จ่ายข้าวของอย่างฟุ่มเฟือย

เพียงเพื่อความต้องการส่วนตัว

ไม่ได้สนใจกว่า...สิ่งเหล่านั้นจำเป็นกับความต้องการของตัวเองหรือไม่

คิดแต่ว่า... ชอบ ถูกใจ ก็พอแล้ว

เมื่อได้มาระยะหนึ่งเกิดความเบื่อหน่ายก็หามาใหม่

แล้วก็ทิ้งของเก่า เป็นอย่างนี้

จนข้าวของเต็มบ้าน ไม่มีที่เก็บ

แล้วจะทำอย่างไรกันดี?

ลองอ่านสิ่งต่อไปนี้แล้ว

อาจจะช่วยพวกเตือนสติพวกคุณได้บ้าง

รู้จักโภชนาหาร

ไม่รู้จักบริโภคโภชนาหาร

ถึงกับเป็นหนี้เป็นข้าเป็นบ่าวเขาเชียวหนา

ไม่รู้จักบริโภคในโภชนาหารนะ คือ ไม่รู้จักประมาณใช้สอย

หาเงินเท่าไรก็ใช้ไม่พอ หาเงินเท่าไรก็หมด

ใช้ไม่รู้จักประมาณ บริโภคก็ไม่รู้จักประมาณ

ไม่รู้จักประมาณในวันนี้ พรุ่งนี้ต่อไปไม่รู้จักประมาณ

ต้องกู้หนี้ยืมสินเขาบริโภคใช้สอยไป

นี่เพราะไม่รู้จักประมาณในการใช้สอยในการบริโภค

นี่ก็ร้ายกาจนักหรือบริโภคเข้าไปแล้ว

ไฟธาตุย่อยอาหารไม่สำเร็จ เกิดโรคภัยไข้เจ็บขึ้น ถึงแก่เป็นอันตรายแก่ชีวิตทีเดียว

นี่ต้องคอยระแวดระวัง โภชนาอาหารต้องระวังมากทีเดียว

ถ้าระวังไม่มากก็ให้โทษแก่ตัวไม่ใช่น้อย

จากรวมพระธรรมเทศนาพระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) “สังวรคาถา”

ชีวิดดีขึ้น เมื่อนั่งสมาธิ

สมาธิเป็นสิ่งสากล ที่ใครๆก็สามารถทำได้
ไม่จำกัดเฉพาะพระ นักบวช ชาวพุทธ หรือผู้เคร่งในศาสนาเท่านั้น 
แต่สมาธินั้นเป็นของกลางๆ 
ที่ใครๆ ก็สามารถปฏิบัติและฝึกฝนได้ และคุณก็สามารถทำได้ด้วย

สมาธิ สามารถฝึกฝนได้ในทุกอิริยาบถ 

สังเกตว่าเวลาเราอ่านหนังสือใจเราก็จะเป็นสมาธิ 

แต่ถ้าเราอยากให้ใจเราเป็นสมาธิมากขึ้น 

เราก็สามารถที่จะฝึกฝนได้

และการฝึกฝนนั้นก็สามารถทำได้

ทั้งนั่ง นอน ยืน เดิน กินข้าว อาบน้ำ และในทุกๆช่วงเวลา 

การฝึกสมาธิยังช่วยทำให้ชีวิตของคุณ 

ไม่ว่าจะเป็น เวลาทำงาน อ่านหนังสือ ทานอาหาร ดูทีวี

คุณสามารถมีใจจดจ่อกับเรื่องนั้นๆ ได้ดีขึ้น

สมาธิยังทำให้คุณสามารถควบคุมจิตใจของคุณได้ 

ไม่ให้โกรธเคือง หงุดหงิด หรือน้อยใจได้  

และหากคุณฝึกสมาธิมากๆแล้ว 

สมาธิก็จะทำให้คุณมีความสุขจากความสงบความบริสุทธิ์ของใจ

ใจของคุณจะคิดแต่เรื่องดีๆ พูดแต่เรื่องดีๆ ทำแต่เรื่องดีๆ  

และถ้าทุกๆคนในโลกพร้อมใจกันทำสมาธิจนได้พบกับความสุขความสงบแล้ว

สันติภาพที่แท้จริงก็จะเกิดขึ้น 

โลกจะไม่มีการเข่นฆ่ากัน ไม่มีสงคราม

 จะเป็นโลกที่มีแต่ความสงบสุขด้วยความสุขจากสมาธิ

สมาธิ คือ วิธีการนำไปสู่ความสงบภายใน มีขั้นตอนชัดเจน เรียบง่าย

สามารถปฏิบัติได้ทุกคน ทุกเพศ ทุกวัย ทุกระดับการศึกษา ทุกระดับสถานะสังคม 

อานุภาพหลวงปู่วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ

รอดตาย...เพราะสร้างอนุสรณ์สถานมหาวิหารหลวงปู่

 คุณดวงกมล ไทรทอง  ผจก.ฝ่ายขาย บ.โฟลว์มิเตอร์ไทย จำกัด

   

 มีการคล้ายโรคซึมเศร้า ไปตรวจหมอก็บอกว่าปกติ จนมีอาการหนักขึ้น คือ มึนงง ปวดหัว ตาพร่ามองไม่ชัด อาเจียน 

  .....เมื่อวันที่ 26 มกราคม พ.ศ.2559 หมอจึงตัดสินใจให้สแกนสมอง ซึ่งผลปรากฏว่า พบเนื้องอกขนาดใหญ่กว่าลูกมะนาวอยู่กลางสมอง กดทับก้านสมองอยู่ แต่หมอก็ยังไม่รับแอ็ดมิท (คือยังไม่ให้นอนที่โรงพยาบาล) เนื่องจากยังเดินเหินได้ปกติ วันที่ 30 มกราคม พ.ศ.2559  หลับแล้วไม่ยอมตื่น ต้องรีบพาเข้าโรงพยาบาลเดิมอีกครั้ง ซึ่งพอหมอเห็นอาการโคม่าขนาดนี้ก็บอกว่า..เขารักษาไม่ได้ ให้ย้ายไปรักษาโรงพยาบาลอื่น จึงรีบย้ายเข้าแผนกฉุกเฉินยังโรงพยาบาลที่มีหมอเก่งที่สุดในประเทศ โอกาสรอดน้อยมาก แต่ถ้ารอดก็คงเหลือแต่ชีวิต คือ จะพิการและมีสภาพเหมือนเจ้าหญิงนิทรา

........หลังเที่ยงคืนของวันที่ 31 มกราคม พ.ศ.2559 สมองบวมหนักขึ้นจนหน้าบวมช้ำ แล้วยังสลบไม่ได้สติ ไม่ขับถ่าย ไม่พูด ไม่ลืมตา จนเหลือเพียงลมหายใจที่โรยรินเต็มที แต่หมอไม่สามารถผ่าตัดได้ในทันที เพราะถ้าผ่าในภาวะที่สมองบวมขนาดนี้ ก็คงต้องตายสถานเดียว 

.......รอจนถึงวันที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2559 ซึ่งพอได้คิว หมอจึงระดมทีมงานผ่าตัดกันตั้งแต่เวลา 8.00-18.00 น. ใช้เวลานานถึง 10 ชั่วโมง และพอออกมาจากห้องผ่าตัด หมอก็ต้องเฝ้าระวังอาการแบบนาทีต่อนาที และต่อสายออกจากสมองเพื่อไม่ให้เลือดและน้ำเหลืองคั่งในสมอง 

....หมอก็มาบอกอีกว่า..จำเป็นต้องผ่าตัดรอบ 2 เพื่อสอดสายเข้าไปในสมองเป็นการถาวร เพื่อให้เลือดและน้ำเหลืองไหลจากสมองลงสู่กระเพาะ เพื่อจะได้ไม่ให้คั่งในสมอง 

.....ในช่วงเวลาแห่งความตึงเครียดที่ต้องรอคอยการผ่าตัดรอบ 2 ในวันที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2559 

ทุกคนในครอบครัวจึงตัดสินใจทำบุญใหญ่ให้...

เพื่อสร้างอนุสรณ์สถานมหาวิหารหลวงปู่วัดปากน้ำที่บางปลา ซึ่งขณะทำก็อธิษฐานขอหลวงปู่ว่า..ให้ภายใน 3-5 วัน รอดปลอดภัยและกลับบ้านได้ ทุกคนอธิษฐานทั้งๆ ที่มันเป็นไปได้ยากมาก เพราะหมอบอกว่า..ยังไงก็ต้องผ่าตัดรอบ 2 แต่พอทำบุญเสร็จ

เรื่องน่าประหลาด คือ หลังจากทำบุญไปเพียง 2 วัน สามารถกินข้าวได้ พูดได้ ไม่เห็นเป็นเจ้าหญิงนิทราแบบที่หมอบอก และอาการยังดีขึ้น ไม่ต้องผ่าตัดรอบ 2 แล้ว เพราะอยู่ๆ เลือดและน้ำเหลืองก็หยุดไหล ที่เหลือเชื่อไปกว่านั้น..พอวันที่ 23 กุมภาพันธ์ หลังจากทำบุญไปได้เพียง 4 วัน หมอก็อนุมัติให้กลับบ้านได้อย่างน่าอัศจรรย์มากๆ เพราะคนไข้ที่ผ่าสมองข้างๆเตียงที่อาการเบากว่า เขายังไม่พ้นขีดอันตรายเลย  พอกลับมาบ้านแล้วก็ฟื้นตัวเร็วมาก สามารถมาทำบุญสร้างบารมีที่วัดได้อย่างปกติ โดยไม่ต้องนั่งรถเข็น และสามารถมาปิดทองเสาเข็มด้วยความปลื้มอย่างสุดๆได้อีกด้วย

เพราะอานุภาพบุญที่ทำกับหลวงปู่อย่างแท้จริงที่ช่วยให้รอดอย่างอัศจรรย์ 

---นี่่แหละอานุภาพของหลวงปู่วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ที่คุ้มครองปกปักรักษา

ชีวิตดีขึ้น เมื่อบุญมาถึง

เมื่อก่อนไม่ได้คิดหรือสนใจอะไร...ทั้งสิ้น
ปล่อยชีวิตไปเรื่อยๆ ไปวันๆ...
และแล้ว...ความเปลี่ยนแปลงก็เกิดขึ้นในชีวิต
โดยที่ไม่รู้ตัวเลย
บุญ...ทำให้ชีวิตดีขึ้น
แล้วบุญคืออะไร???

บุญ  เป็นชื่อของความสุข
เป็นเครื่องชำระจิตใจให้ผ่องใส (เมื่อจิตผ่องใส ย่อมไปสู่โลกสวรรค์)
เป็นคุณเครื่องแห่งความสำเร็จทั้งปวง (ความสุขล้วนเกิดจากบุญ)
เพราะบุญช่วยขจัดสิ่งที่เศร้าหมองด้วยกิเลสออกไปจากใจ
คือ ความโลภ ความโกรธ และความหลง




ทาน กำจัดความโลภ
ศีล กำจัดความโกรธ (การเบียดเบียนสัตว์อื่น)
ภาวนา กำจัดความหลง
ทางมาแห่งบุญ มี 10 ประการ เรียกว่า บุญกิริยาวัตถุ 10

บุญก็จะบังเกิดขึ้นกับเรา

1.    ทานมัย บุญจากการทำทาน

2.    สีลมัย บุญจากการรักษาศีล

3.    ภาวนามัย บุญจากการเจริญสมาธิภาวนา

4.    อปจายนมัย บุญเกิดจากการอ่อนน้อมถ่อมต้น

5.    เวยยาวัจจมัย บุญจากการช่วยเหลือการงานที่ถูกที่ควร

6.    ปัตติทานมัยบุญจากการอุทิศส่วนกุศลให้กับผู้อื่น

7.    ปัตตานุโมทนามัยบุญจากการอนุโมทนา

8.    ธัมมัสสวนมัยบุญจากการฟังธรรม

9.    ธัมมเทสนามัยบุญจากการแสดงธรรม

10.  ทิฏฐุชุกัมม์ บุญจากการทำความเห็นให้ตรงความเป็นจริง

-------------------------------

มีบุญสำเร็จทุกอย่าง

-------------------------------

ทุกครั้งที่ทำความดี เช่น ให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนา 

จะเกิดกระแสบุญมารวมกันเข้าเป็นดวงบุญ 

ซึ่งมีอานุภาพดึงดูดสมบัติทั้ง 3_คือ 

รูปสมบัติ ทรัพย์สมบัติ คุณสมบัติ ให้เกิดขึ้นกับเราได้

***ชีวิตเราดีขึ้นหรือไม่ มีความสุขขึ้นทุกวันไหม ต้องสังเกตดู 

ถ้ายังแสดงว่าเรายังทำบุญไม่สม่ำเสมอ ต้องทำบุญทุกวัน 

ชีวิตจะมีความสุขทุกวัน ดีขึ้นทุกวัน 

แล้วคุณล่ะ ทำบุญหรือยัง อย่าปล่อยชีวิตไปวันๆ โดยการไม่ทำบุญ***

กัลยาณมิตรยุคออนไลน์

ข่าวสารสมัยนี้รวดเร็ว...ปานสายฟ้าแลบ เร็วกว่าตากระพริบเสียอีก และขยายออกไปกว้างไกลอย่าง...น่าตกใจ ข่าวที่ส่งออกไปถ้าเป็นเรื่องดี...มันก็น่ายินดี ถ้าเป็นเรื่องไม่ดี...กลับทำให้จิตใจเราเศร้าหมอง แล้วเราจะทำอย่างไร???? คำๆ นี้เป็นตัวช่วยได้อย่างดีในยุคนี้ "กัลยาณมิตร" หมายถึง เพื่อนที่ดี เพื่อนที่งาม หรือเพื่อนที่รักใคร่คุ้นเคยที่ดี เพื่อนรักใคร่คุ้นเคยที่งาม กัลยาณมิตร เป็นผู้เพียบพร้อมด้วยคุณธรรม มีความตั้งใจประพฤติปฏิบัติธรรม  ทำหน้าที่ของชาวพุทธที่ดี เพื่อยังประโยชน์ให้ถึงพร้อมทั้งแก่ตนเองและผู้อื่น ผู้สั่งสอนแนะนำ ชักนำไปในหนทางที่ถูกต้องดีงาม เมื่อเราเป็นกัลยาณมิตรภายในให้กับตนเองแล้ว ต้องทำหน้าที่กัลยาณมิตรให้กับผู้อื่น โดยมีความสำนึกในหน้าที่อันสูงส่งนี้ว่า  เป็นหน้าที่ที่มีเกียรติ มีค่าอย่างยิ่ง เป็นหน้าที่ของบัณฑิตและนักปราชญ์ทุกยุคทุกสมัย ต่างสรรเสริญและทำกันมาก่อนแล้วทั้งนั้น คุณสมบัติของกัลยาณมิตร มี 7 ประการ 1.น่ารัก เป็นบุคคลที่เห็นแล้วสบายใจ ชวนให้เข้าใกล้ปรึกษา มีความชื่นใจ 2.น่าเคารพ เป็นบุคคลที่อุดมด้วยปัญญาทางโลกและทางธรรม 3.น่าเทิดทูน เป็นบุคคลที่ทรงความรู้ มีภูมิปัญญา ทั้งทางโลกและทางธรรม 4.ฉลาดพูดแนะนำตักเตือน เป็นบุคคลที่รู้จักพูดชี้แจงให้เข้าใจ 5.อดทนต่อถ้อยคำ เป็นบุคคลที่พร้อมจะรับฟังคำปรึกษาซักถามอยู่เสมอ 6.แถลงเรื่องที่ลึกล้ำได้ เป็นบุคคลที่สามารถนำเรื่องที่ยกมาอธิายให้เกิดภาพพจน์เข้าใจง่าย 7.ไม่ชักนำไปในสิ่งที่เสื่อม7 เป็นบุคคลที่ประพฤติปฏิบัติอยู่ในธรรม ไม่ยอมทำเรื่องที่เป็นเรื่องเสื่อมเสีย แล้วเราจะทำหน้าที่กัลยาณมิตรได้อย่างไร? 1.ให้ความยิ้มแย้มแจ่มใส ให้ความสดชื่นเบิกบาในใจกับทุกๆ คน 2.ให้ความเป็นมิตร ให้ความเป็นกันเอง ให้ความปรารถนาดีอย่างยิ่งใจกับทุกคน เป็นญาติยิ่งด้วยญาติ เป็นมิตรยิ่งด้วยมิตร 3.ให้คำแนะนำที่ดี ชี้หนทางที่ถูกให้เดิน ดำเนินชีวิตที่ถูกต้อง และเป็นไปเพื่อการสร้างบารมีอย่างแท้จริง 4.ให้อริยทรัพย์ แนะนำให้ทำบุญให้ถูกวิธี และถูกเนื้อนาบุญ เพื่อเปลี่ยนสามัญทรัพย์ให้เป็นอริยทรัพย์ติดตามข้ามภพข้ามชาติ 5.ให้หนทางแห่งความสงบร่มเย็น ให้ความสุขที่แท้จริงแก่บุคคลทั้งหลาย โดยการปฏิบัติธรรมให้เข้าถึงธรรมกาย แนะนำบุคคลทั้งหลายออกจากกามโดยธรรม 6.ให้ชีวิตการเป็นกัลยาณมิตร เวลาเป็นสิ่งที่มีค่ามากที่สุด ผ่านไปแต่ละวินาทีนั้นกลืนกินชีวิตของเราให้หมดไปด้วย แต่เพื่อประโยชน์แก่มวลมนุษย์ เราได้สละเวลาหรือชีวิต เพื่อทำหน้าที่กัลยาณมิตร ให้ทุกชีวิตได้เตรียมเสบียงในการเดินทางในวัฏฏสงสาร ไปสู่จุดหมาย คือนิพพาน การทำหน้าที่กัลยาณมิตรยุคออนไลน์ ในยุคสังคมคนก้มหน้า กดๆ ๆ ลูกเดียว  แต่ไม่ได้สนใจว่าข่าวสารเหล่านั้นจริงเท็จแค่ไหน เราต้องเป็นกัลยาณมิตร นำทางแสงสว่างแก่คนเหล่านั้น ที่ยังมืดบอด มืดมิด ให้มาสว่างสดใส อธิบายความจริงที่ถูกต้อง ตามหลักพระพุทธศาสนา ไม่ใช่เชื่อถืออย่างงมงาย ไร้เหตุผล เปิดโลกความจริงที่ในยุคออนไลน์ สร้างสื่อสีขาวให้เต็มโลกใบนี้ มาช่วยกันทำหน้าที่กัลยาณมิตรด้วยกัน โดยเฉพาะสื่อสารมวลชน หน้าที่นำเสนอข่าวสาร ให้ผู้รับสื่อได้สาระและคุณประโยชน์ ต้องเป็นผู้มีความรู้ความเข้าใจและมีการนำเสนอสื่อที่ดีมีประโยชน์ต่อสังคม ไม่หวังต่อผลประโยชน์แก่ตัวเอง จึงจะได้ชื่อได้ทำหน้าที่กัลยาณมิตรที่แท้จริง

รักตัวเอง

คำธรรมดา...แต่ไม่ธรรมดา

ที่ผู้คนในยุคนี้ไขว่หาเรียกร้อง

แต่ไม่รู้ว่าคำตอบเหล่านี้อยู่ที่ไหน????

บางคนก็หาคำตอบ...

ด้วยการแต่งตัวผู้ดึงดูดความสนใจ

ลงโปรโมทตัวเองในสื่อต่างๆ 

เพื่อให้ผู้คนสนใจตัวเอง

เพราะคิดว่านี่คือวิธี

..แสดงความรักของเขา...

แต่เขาก็ไม่ได้รับคำตอบว่า

ความรักที่แท้จริงเป็นอย่างไร

การรักตัวเอง ต้องให้ตัวเองมีความสุข 

พ้นจากทุกข์ และแจ่มแจ้งในเรื่องราวของชีวิต

ด้วยการปฏิบัติธรรม ที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้

ถ้ามีความเพียรสม่ำเสมอทุกวัน

ทำจิตเราให้บริสุทธิ์เป็นกุศล 

มีกุศลธรรมในใจเสมอ

จิตใจผ่องใส 

แต่รักตัวเองกับเห็นแก่ตัว ไม่เหมือนกัน

มันคนละเรื่องกัน

รักตัวเอง ต้องเติมแต่ความดี  ความบริสุทธิ์  ให้ตัวของเรา

เห็นแก่ตัว เติมแต่บาปอกุศล 

ตรงกันข้ามกันเลย ไม่เหมือนกัน

  

ถ้าเรารักตัวเอง ต้องทำให้คนอื่นเขารักเราด้วย  

ถ้าเราไม่รักตัวเรา เราทำอย่างไรก็ได้ ให้คนเขาเกลียดเรา

เดี๋ยวเขาก็เอาก้อนอิฐ  ก้อนหินขว้างเรา  

  

ไม่ว่าจะรวยหรือจน ทุกคนก็ต้องรักตัวเอง
ฉันรักตัวเองด้วยการหลับตาเบาๆ
ผ่อนคลายสบาย หยุดใจกลางกาย
จนตะวันภายในฉายแสงขึ้นมา
ฉันมีความสุขมากมาย
พร้อมจะมอบความรักและหวังดีให้ทุกคน

กฎแห่งกรรม

"เป็นกฎสากลโลกที่ทุกคนในโลกหลีกเลี่ยงไม่พ้น

ไม่ว่าจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ตาม

เป็นสิ่งที่ควรจะศึกษาเรียนรู้เอาไว้ เราจะได้มีความรู้บ้าง

จะได้ดำเนินชีวิตได้ถูกต้อง ปิดอบาย ไปสวรรค์

มีสุขอยู่ในปัจจุบัน และก็ดับทุกข์ได้"

ใครเชื่อเหตุผล คนนั้นเชื่อกฎแห่งกรรม...

ทุกๆ ชีวิต ล้วนตกอยู่ภายใต้กฎแห่งกรรม

เป็นกฎสากลที่มวลมนุษยชาติทุกคนบนโลกใบนี้จะต้องเจอทั้งสิ้น

เราจึงจำเป็นอย่างยิ่งยวดที่จะต้องศึกษาเรียนรู้

เรื่องกฎแห่งกรรม...

ให้เข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง

เพราะมันเกี่ยวกับตัวเราเอง

เพื่อที่เราจะได้ดำเนินชีวิตได้อย่างถูกต้อง

และดีงามด้วยความไม่ประมาท

ความรู้นี้มีสอนเฉพาะในพระพุทธศาสนาเท่านั้น

เราจะต้องตั้งใจสั่งสมบุญสร้างบารมี

ประพฤติดีปฏิบัติชอบ

ตามหลักธรรมคำสั่งสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

เช่น...ทำทาน รักษาศีล และเจริญสมาธิภาวนา เป็นต้น

ถ้าหากเราทำได้เช่นนี้..

ชีวิตการสร้างบารมีของเราจะได้อยู่รอดปลอดภัย

และมีชัยชนะในเส้นทางการสร้างบารมี

ไปตราบกระทั่งถึงที่สุดแห่งธรรม 

วันนี้ทำดีหรือยัง?

ถ้ายังจะทำวันไหน?

ถ้ายังจะเริ่มเมื่อไร?

--------------------

"ความดี คนดีทำง่าย คนชั่วทำยาก

ความชั่ว คนชั่วทำง่าย คนดีทำยาก"

-----------------------------------

วันนี้คุณทำดีหรือยัง?

ความดีทุกคนทำได้เสมอ...

ไม่ต้องรอให้เวลา สถานที่ บุคคล...

ทำตอนไหน ที่ไหน ได้ทั้งนั้น...

แล้วคุณทำดีหรือยัง?

ความดีทำได้ ทางกาย วาจา ใจ

ทุกสิ่งที่เราทำต้องไม่ให้ตัวเราเองเดือดร้อน และคนอื่นเดือดร้อน

อีกทั้งต้องไม่ผิดศีลด้วย เรียกว่าการทำดี

ความดีทำได้หลายรูปแบบทั้งทำทาน รักษาศีล เจริญสมาธิ

ให้ถามตัวเองบ่อยๆว่า

วันนี้ทำดีหรือยัง?